สัมผัส ‘กระท่อมลุงจรณ์’ ฟาร์มกระบองเพชรเบอร์หนึ่งของไทย

2.7.57
 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2549 10:17 น.

กระบองเพชรไม้ประดับที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศในแถบที่เป็นทะเลทราย คนไทยเริ่มรู้จักกระบองเพชรกันมานาน เพราะมีผู้นำเข้ามาจำหน่าย และการที่กระบองเพชรเป็นต้นไม้อายุยืน เลี้ยงง่าย และ มีให้เลือกหลายสายพันธุ์ ทำให้กระบองเพชรจัดเป็นไม้ประดับที่ได้รับความนิยมอยู่อันดับ 6 ของโลก    

สำหรับฟาร์มกระบองเพชรที่นำเสนอในวันนี้ เป็นฟาร์มกระบองเพชรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ชื่อ ‘กระท่อมลุงจรณ์’ ตั้งอยู่ที่ ซอยวัดสิงห์ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เจ้าของผู้ก่อตั้ง คือ นายพิจรณ์ สังข์สุวรรณ ซึ่งหลงใหลในเสน่ห์ของกระบองเพชร โดยได้กระบองเพชรต้นแรกมาจากชาวไต้หวัน ซึ่งนำเข้ามาจากประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อ 40 ปีที่ผ่านมา ในช่วงนั้นกระบองเพชรราคาแพงมาก และหายากมาก แต่ด้วยใจรักยอมทุ่มเงิน เพื่อซื้อมาเก็บสะสมไว้ และบางส่วนก็เพาะพันธุ์ขึ้นมาใหม่    
     
นางพิกุล สังข์สุวรรณ ลูกสาวลุงจรณ์ ผู้สืบทอดกิจการทายาทรุ่นที่ 2 เล่าถึงประวัติลุงจรณ์ว่า ได้ลาออกจากงานประจำ เมื่อปี 2504 เพื่อมาทำงานที่ตัวเองรัก คือ เปิดร้านกระบองเพชร และขยายกิจการมาเรื่อย โดยได้พยายามเสาะแสวงหาพันธุ์ใหม่เข้ามา มีการนำเข้ามาจากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และประเทศแถบละตินอเมริกา จนเป็นร้านกระบองเพชรเต็มรูปแบบร้านแรกของเมืองไทย
     
จุดขายของกระบองเพชรลุงจรณ์ คือ เน้นขาย คุณภาพ และราคาไม่สูง มาก ทำให้มีลูกค้าประจำเข้ามาเป็นจำนวนมาก ฟาร์มแห่งนี้ ลุงจรณ์ ตั้งใจที่ทำขึ้นเพื่อให้กับผู้ที่ชื่นชอบอะไรเหมือนกันได้มาชื่นชมต้นไม้ที่รักและได้พักผ่อนไปในตัว โดยได้จัดพื้นที่เป็นเหมือนเป็นกึ่งรีสอร์ท บนพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ ที่เต็มไปด้วยกระบองเพชร สายพันธุ์ต่างๆ ให้ลูกค้าได้เดินชมและเลือกช้อปปิ้งกันอย่างเพลิดเพลิน    
     
ปัจจุบันฟาร์มกระบองเพชรกระท่อมลุงจรณ์ ดูแลกิจการโดยทายาทรุ่นที่ 3 นายภูเขา ชากะสิก มีพันธุ์กระบองเพชรที่นำเข้า และเพาะพันธุ์ขึ้นใหม่มากกว่า 1,000 ชนิด จากธรรมชาติที่มีอยู่เป็น 10,000 ชนิด ราคาเริ่มต้นทั่วไป อยู่ที่ 20 บาท ไปจนถึงหลายหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ไหนเพาะเลี้ยงยากและหายากราคาก็จะแพง การเพาะเลี้ยงจะเพาะจากเมล็ด ซึ่งต้นหนึ่งต้องใช้เวลานานตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป ถึงจะนำออกมาจำหน่ายได้ บางต้นต้องใช้เวลาถึง 7 -10 ปี ราคาก็จะสูงตามไปด้วย

สำหรับช่องทางการจัดจำหน่าย จะแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ ขายปลีก และขายส่งให้กับร้านต้นไม้ประดับนำไปขายต่ออีกที่หนึ่ง ร้านจะมี 2 แห่ง คือ ขายที่หน้าฟาร์ม ที่อำเภอสามโคก ปทุมธานี และจำหน่ายปลีกที่สวนจตุจักร ช่วงหลังมีการส่งออกไปขายต่างประเทศบ้างแต่จำนวนน้อยมาก เป็นการขายผ่านทางอินเตอร์เน็ต ส่วนตลาดกระบองเพชร เป็นตลาดที่ไปได้เรื่อยไม่หวือหวามาก เหมือนกับกล้วยไม้ และชวนชม    
     
“ต้นไม้ของบ้านเราจะเจาะตลาดแมสโปรดักส์ ราคาไม่สูงมาก เพราะเราอยากให้ทุกคนมีความสุขกับการได้อยู่กับมัน เด็กวัยรุ่นที่เพิ่งหัดเลี้ยงต้นไม้ ก็สามารถซื้อไปเลี้ยงเล่นได้ หรือถ้าเกิดความเสียหายขึ้นมา ก็จะไม่เข็ดและไม่เลิกเลี้ยง สามารถซื้อไปเลี้ยงใหม่ได้เพราะราคาไม่แพง และจุดเด่นของเราจะขายต้นไม้ที่เป็นต้นไม้ที่สวยตามธรรมชาติ ไม่ไปบังคับมันมาก”    

ปัญหาของการเลี้ยงกระบองเพชรที่บ้านเรา จะมีฝนตกมาก จะทำให้ต้นเน่าและตายได้ แต่ไม่แนะนำลูกค้าให้ซื้อไปเลี้ยงในร่ม เพราะกระบองเพชร เป็นพืชที่ชอบแสงแดด ควรจะเลี้ยงในบริเวณระเบียงบ้านที่มีแสงแดดส่องถึง แต่หลังจากที่มีศึกษาและวิจัยพบว่า กระบองเพชรเป็นพืชที่ช่วยดูดรังสี จากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทำให้หลายคนหันมาซื้อไปวางบนโต๊ะทำงานกันมากขึ้น  
     
สำหรับสายพันธุ์ที่ได้รับความสนใจและขายดีที่สุด มี 3 สายพันธุ์ หลักได้แก่ Astrophytum , Ariocarpus และ Caudiciform ซึ่งสายพันธุ์นี้ เป็นต้นไม้ "เล่นหัว" ลักษณะคล้ายบอนไซ ลูกค้าที่ซื้อไปในลักษณะของการจัดสวนยังไม่มาก เพราะต้นใหญ่ที่สามารถนำไปจัดสวนได้ราคายังสูง ต้นหนึ่ง เป็นพันบาท และต้องใช้หลายต้น ทำให้ยังไม่ค่อยเห็นลูกค้าซื้อไปเพื่อจัดสวน แต่จะเป็นการซื้อต้นเล็กไปประดับตกแต่งบ้านมากกว่า ต้นใหญ่ และราคาแพงจะเป็นกลุ่มนักสะสมโดยเฉพาะ สนใจโทร. 0-2581-7684

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น