ผลไม้ตระกูล เบอรี่ไทย หลากประโยชน์ช่วยปกป้องหัวใจ

21.7.57
 
โดยเดลินิวส์ เมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2556

ในปัจจุบันมีผลการศึกษาวิจัยมากมายแสดงให้เห็นว่า ผลไม้ในกลุ่มของเบอรี่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งลำไส้และมะเร็งเต้านม ช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ลดความดันโลหิตในผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูง นอกจากนี้เบอรี่ยังช่วยบำรุงสมองและความจำ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรง และที่กำลังเป็นที่สนใจอย่างมากคือ เบอรี่สามารถต้านชราได้
   
ดร.ฉัตรภา หัตถโกศล อาจารย์ประจำภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เมื่อนึกถึงผลไม้ในกลุ่มเบอรี่ทั้งหลาย คนส่วนใหญ่จะนึกถึงแต่ผลไม้ที่มีชื่อลงท้ายด้วยเบอรี่ เช่น สตรอเบอรี่ บลูเบอรี่ เชอรี่ ราสเบอรี่ แครนเบอรี่ แบล็กเบอรี่ โดยที่จะมองข้ามในสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวของเรา ซึ่งในประเทศไทยก็มีผลไม้ในกลุ่มเบอรี่อยู่มากมาย และมีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยได้มีการนำมาศึกษาวิจัยทดลองให้ผลสนับสนุนแล้วว่ามีประโยชน์ไม่น้อยไปกว่าผลไม้กลุ่มเบอรี่ของต่างประเทศเลย
 
ผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มเบอรี่ที่เป็นผลไม้ไทย ก็ได้แก่ ลูกหว้า เป็นผลไม้ที่เมื่อสุกจะมีผลสีม่วงเข้มจนถึงดำคล้ายองุ่นรสชาติจะออกหวานและมีรสฝาดเล็กน้อย นิยมนำมาทำแปรรูปเป็นน้ำลูกหว้า เยลลี่ และแยม สารที่มีอยู่ในลูกหว้าจะเป็น สารกลุ่มแอนโธไซยานิน (ไซยานิดิน) กรดเอลลาจิก กรดเฟอรูลิก ซึ่งสารกลุ่มนี้จะมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านฤทธิ์ของสารก่อมะเร็งโดยพบว่า สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งลำไส้ มะเร็งช่องปาก และมะเร็งเต้านมได้
 
ชนิดต่อมาคือ มะเกี๋ยง พบมากทางตอนเหนือของประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา และน่าน โดยผลจะคล้ายคลึงกันกับลูกหว้า แต่มีขนาดที่เล็กกว่าและมีสีออกม่วงแดง ส่วนรสออกเปรี้ยวมากกว่าลูกหว้า จากการศึกษาพบว่า ผลของมะเกี๋ยง มีสารพฤกษเคมีที่สำคัญอยู่หลายตัว เช่น สารประกอบฟีนอลิก ที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ
 
“จากการทดสอบหาค่าของสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในอาหารแต่ละชนิดที่เรียกว่า The ORAC test หรือ Oxygen Radical Absorbance Capacity ซึ่งเป็นค่าความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของอาหาร อาหารที่มีค่า ORAC สูงสามารถปกป้องเซลล์และองค์ประกอบของเซลล์ให้ปลอดภัยจากการถูกทำลายเสียหายจากกระบวนการออกซิเดชัน ซึ่งมะเกี๋ยงเป็นผลไม้ที่มีค่า ORAC สูง ส่งผลให้ช่วยลดการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง และชะลอความเสื่อมของร่างกาย”
 
มะขามป้อม จัดเป็นผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มเบอรี่เช่นกัน ลักษณะเป็นผลสีเขียว จัดเป็นหนึ่งในสมุนไพรพื้นบ้านที่มีการใช้มาอย่างยาวนาน รสชาติออกเปรี้ยวฝาด ๆ ตามตำราแพทย์พื้นบ้านจะนิยมนำมารักษาอาการไข้หวัด แก้เจ็บคอ ละลายเสมหะ
 
เมื่อศึกษาดูสารที่มีอยู่ในมะขามป้อมแล้วพบว่า มะขามป้อมมีปริมาณของวิตามินซีสูง โดยในผลมะขามป้อม 1 ผลจะมีวิตามินซีมากกว่าส้ม 2 ลูก และยังพบสารพฤกษเคมีอื่น เช่น สารกลุ่มแทนนิน เบนซินอยด์ เทอร์ปีน ฟลาโวนอยด์ อัลคาลอยด์ คูมาริน ที่มีส่วนช่วยในการลดการอักเสบของร่างกาย สามารถช่วยลดการติดเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย
 
นอกจากนี้ยังพบว่า การรับประทานมะขามป้อมเป็นประจำจะช่วยลดระดับของคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีหรือแอลดีแอล รวมถึง ไตรกลีเซอไรด์ จึงถือว่า เป็นการป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และเมื่อไม่นานมานี้มีการศึกษาถึงแนวคิดว่า สารสกัดจากมะขามป้อมจะช่วยลดการเกิดเซลล์มะเร็งโดยสามารถลดการเกิดเซลล์มะเร็งได้แล้วในสัตว์ทดลอง
 
ในส่วนของ ลูกหม่อน ปัจจุบันมีการนำเอาผลมาทำเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ โดยผลสุกของลูกหม่อนจะมีสีออกม่วงแดง รสชาติหวานอมเปรี้ยว เมื่อเปรียบเทียบกับบลูเบอรี่ที่เป็นที่นิยมในเรื่องของสารต้านอนุมูลอิสระแล้วลูกหม่อนของไทยหากเทียบในปริมาณ 100 กรัมเท่ากัน จะพบว่า ลูกหม่อนมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าบลูเบอรี่ 2-3 เท่า ซึ่งสารที่พบ คือ สารในกลุ่มโพลีฟีนอล แอนโทไซยานิน และเรสเวอราทอล สารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคมะเร็ง
 
“ลูกหม่อนเป็นผลไม้ที่มีกรดไขมันที่จำเป็น คือ โอลิอิกและไลโนลิอิก ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นสำหรับการสร้างเยื่อหุ้มเซลล์ในระบบประสาทและสมองช่วยให้ความจำดีขึ้น ยังมีการศึกษาว่า สารสกัดจากลูกหม่อนช่วยควบคุมความหิวทำให้ช่วยควบคุมน้ำหนัก อีกทั้งยังมีการนำเอาใบหม่อนมาทำเป็นชา โดยพบว่า การดื่มชาใบหม่อนเป็นประจำจะช่วยลดการเกิดโรคความดันโลหิตสูงได้”
 
ผลไม้ไทยชนิดต่อมา คือ มะยม เป็นผลไม้รสเปรี้ยว นิยมนำมารับประทานโดยการนำมาทำตำมะยม ใส่ในน้ำพริกเพื่อให้ออกรสเปรี้ยว และปัจจุบันนิยมนำมาทำเป็นแยมส่งออกต่างประเทศ เพราะมะยมมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง เช่น สารในกลุ่มแทนนินที่ช่วยต้านการเกิดเซลล์มะเร็ง ช่วยลดการเกิดการอักเสบในร่างกาย
 
รวมทั้งมีใยอาหารสูงช่วยให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติและลดการสะสมของของเสียในลำไส้ ทั้งนี้ เนื่องจากใยอาหารในมะยมมีทั้งชนิดที่ไม่ละลายน้ำและละลายน้ำ โดยใยอาหารที่ละลายน้ำจะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลจึงช่วยลดการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด มีการใช้มะยมในผู้ที่มีอาการคลื่นไส้อาเจียนหลังจากได้รับประทานมะยมแล้วจะมีอาการดีขึ้น
 
ดร.ฉัตรภา กล่าวต่อว่า มะเม่าหรือหมากเม่า จัดเป็นผลไม้ไทยในตระกูลเบอรี่ที่พบมากในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นิยมนำมาแปรรูปเป็นน้ำผลไม้ ทำไวน์ และแยม มะเม่านอกจากจะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงเหมือนกับผลไม้ในตระกูลเบอรี่ทั้งหลายแล้ว มะเม่ายังมีแร่ธาตุเหล็กสูงซึ่งทางตำรายาไทยจะใช้รักษาภาวะโลหิตจางและบำรุงเลือด
 
รวมไปถึง โทงเทงฝรั่งหรือเคพกูสเบอรี่ ผลไม้ขนาดเล็กสีเหลืองทอง มีรสชาติเปรี้ยวอมหวานมีกลิ่นหอมเฉพาะ เป็นผลไม้ตระกูลเดียวกันกับมะเขือ โดยข้างในผลจะมีเมล็ดเล็ก ๆ อยู่มากมาย สารอาหารสำคัญที่พบ คือ เบต้าแคโรทีนซึ่งจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอในร่างกายจึงช่วยในเรื่องการมองเห็น ทำให้ผิวพรรณดี นอกจากนี้ยังมีสารกลุ่มไฟโตรสเตอรอลที่ช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลในร่างกายส่งผลให้ลดระดับคอเลสเตอรอลส่วนเกิน และบริเวณเปลือกของโทงเทงฝรั่งยังมีใยอาหารประ เภทเพคตินที่ช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น
 
มาที่ เชอรี่ไทย ผลไม้สีแดงสด รสเปรี้ยว มีกลิ่นหอม ในหนึ่งลูกจะแบ่งออกเป็น 3 พู นิยมนำมาแปรรูปเป็นไอศกรีม เชอร์เบท แยม สารที่มีอยู่ในเชอรี่ไทย คือ สารในกลุ่มแอนโธไซยานินมีส่วนช่วยในการลดการอับเสบ การเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ จากการศึกษาพบว่า ผู้ที่รับประทานอาหารที่มีสารกลุ่มแอนโธไซยานินเป็นประจำจะมีอารมณ์ดี และรู้สึกกระปรี้กระ เปร่า ยังมีการใช้เชอรี่ไทยในผู้ที่มีอาการท้องผูกเพื่อเป็นตัวที่ช่วยให้ขับถ่ายได้ดี
 
ผลไม้เบอรี่ไทยอีกชนิดหนึ่งก็คือ ตะขบ เป็นต้นไม้ที่ขึ้นง่ายพบได้ทั่วไปในบริเวณทุกภาคของประเทศไทย ตะขบถือว่าเป็นผลไม้ที่มีใยอาหารสูงชนิดหนึ่ง โดยใน 100 กรัมหรือประมาณ 25 ผล จะมีใยอาหารมากกว่า 6 กรัม ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคประจำวันสำหรับคนไทยอยู่ที่ 25 กรัม การกินตะขบ 1 ถ้วยเท่ากับได้ปริมาณ 1 ใน 4 ของใยอาหารที่แนะนำแล้ว
 
“จากการศึกษาพบว่า ตะขบมีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น โพแทสเซียม แคลเซียม และฟอสฟอรัส นอกจากนี้ ตะขบจะมีสารที่ให้สีแดงคือสารไลโคปีน กรดเอลลาจิก แอนโธไซยานิน และกรดแกลลิก ที่ช่วยทำให้ระบบการทำงานของต่อมลูกหมากดีขึ้น ทั้งยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด รวมถึงปกป้องเซลล์จากการถูกทำลายจากสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะช่วยดูแลหัวใจ นอกจากนี้ แพทย์แผนไทยยังใช้ตะขบในการรักษาอาการไข้ และเป็นยาบำรุงกำลังอีกด้วย”
 
หลังจากที่ได้รู้แล้วว่าประเทศไทยเรามีเบอรี่อยู่หลากหลายชนิด และแต่ละชนิดล้วนมีคุณประโยชน์มากมาย ดังนั้น การหันมารับประทานเบอรี่ไทย จึงนับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพ เพื่อที่จะได้มีสุขภาพดี มีหัวใจที่ดี ในแบบวิถีไทยนั่นเอง.

................................

รูปแบบการรับประทานผลไม้ตระกูลเบอรี่

ในช่วงวัยของคนมีความต้องการอาหารและผลไม้ที่มีประโยชน์ เพื่อเข้าไปช่วยเสริมสร้างให้ระบบภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ซึ่งผลไม้ตระกูลเบอรี่นับเป็นอีกทางเลือกของผลไม้ที่มีประโยชน์ให้เราได้เลือกรับประทานกันในหลายรูปแบบ
   
โดยการ กินผลไม้ตระกูลเบอรี่ที่ผ่านกรรมวิธีในการปรุง จะทำให้ได้รับสารต้านอนุมูลอิสระลดลง และการกินในรูปของผลไม้หรือแบบตากแห้ง จะทำให้ได้รับปริมาณน้ำตาลที่เพิ่มขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดโรคอ้วนได้ ทางที่ดีควรกินแบบสด ๆ จะได้ประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า.

Read more ...

น้ำขิงช่วยเร่งราก-ใบ ทดแทนฮอร์โมนนำเข้าราคาแพง

21.7.57
ที่มา www.thairath.co.th ฉบับวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๔๘

ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกนี้ ไทยถือเป็นประเทศ ที่มีความหลากหลาย ของพืชสมุนไพร ไม่แพ้ประเทศอื่นเลย ทว่าการนำมาใช้ประโยชน์นั้น ยังน้อยนิดเหลือเกิน ทั้งที่ความจริงแล้วพืช หรือสมุนไพรชนิดหนึ่งๆ นั้นสามารถนำไปใช้ประโยชน์ ได้มากกว่าการนำมาบริโภค หรือกินเพียงอย่างเดียว

อย่างเช่น "ขิง" ที่ผู้คนส่วนใหญ่คุ้นกับการใช้เป็นเครื่องเทศแต่งกลิ่นอาหาร เพิ่มรสชาติ หรือดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ ฯลฯ ขณะที่ประเทศแถบตะวันตกนำขิงไปทำเบียร์ (Ginger beer) เนื่องจากขิงมีฤทธิ์ร้อน ช่วยขับเหงื่อ ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยเจริญอาหาร และทำให้ร่างกายอบอุ่น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ดูเหมือนเป็นเรื่องที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้ว.

แต่สำหรับข้อมูลนี้ ที่ทำให้อีกหลายคนได้ทราบว่า จากนี้ไป "ขิง" จะไม่ได้เป็นเพียงแค่สมุนไพร เครื่องเทศที่ใช้ในการประกอบอาหาร ในครัวเท่านั้น หลังจากที่ นายกนก อุไรสกุล อาจารย์คณะวิชาพืชศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพระนครศรีอยุธยา หันตรา ได้ศึกษาวิจัยและค้นพบว่า ขิงสามารถนำไปช่วยกระตุ้น ให้พืชสร้างรากใหม่ได้เป็นอย่างดี

เกี่ยวกับเรื่องนี้ อาจารย์กนก เล่าความเป็นมาให้ ฟังว่า ปกติพืชแต่ละชนิดจะมี

สารกลุ่มเทอปีน (Terphene) เป็นกลุ่มฮอร์โมนที่มีคุณสมบัติช่วยในการเจริญเติบโต สร้างเซลล์ แตกราก แตกใบใหม่อยู่แล้ว

ซึ่งได้ทดลองสกัดฮอร์โมนจากพืชหลายชนิด ทั้งพริก แมงลักคา (กะเพราผี) สะเดา ตะไคร้หอม สาบเสือ หนาด ขิง ฯลฯ นำมาเปรียบเทียบกัน ปรากฏว่าน้ำสกัดจากขิงช่วยให้รากของกิ่งไม้ที่ใช้ในการทดลองออกรากเร็ว และปริมาณมากกว่าน้ำสกัดจากพืชชนิดอื่น

ในการทดลองนักวิจัยได้ใช้สารสกัดจากขิงเปรียบเทียบกับฮอร์โมนเร่งราก ที่มีขายอยู่ทั่วไปในท้องตลาดชนิดหนึ่ง โดยใช้กิ่งโกศลจุ่มสารสกัดขิงและฮอร์โมนที่ซื้อมา

จากนั้นนำไปแช่ในขวดเพื่อดูการเปลี่ยนแปลง ปรากฏว่ากิ่งโกศลทั้งสองออกรากจำนวนมากทั้งสองกิ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่มีความแตกต่างระหว่างน้ำสกัดขิงกับฮอร์โมนที่ซื้อมา

นอกจากนี้ ยังได้นำไปทดลองฉีดพ่นรากของพืชเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ซึ่งมักพบว่าพืชเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเหล่านี้เวลานำออกจากขวดแล้วจะไม่ค่อยโต

แต่ เมื่อลองใช้น้ำสกัดขิงฉีดพ่นไปที่ี่รากพืชเหล่านี้ พบว่าโตเร็วขึ้น ๑-๒ เท่าตัว แถมใบยังเขียวขึ้นด้วย
การทำก็เพียงแค่

สกัดเอาส่วนที่เป็นน้ำใสๆ จากขิงสด (ขิงแก่) ผสมกับน้ำในอัตราส่วน ๕ ซีซี ต่อน้ำ ๑ ลิตร 

นำกิ่งพันธุ์จุ่มก่อนที่จะนำไปปักชำ หรือฉีดพ่นก็ได้ จะทำให้ อัตราการงอกของราก และการแตกใบอ่อนของพืชรวดเร็ว ไม่แพ้สารเคมีราคาแพงเลย ที่สำคัญ ขิงเป็นพืชที่เรารู้จักกันดี หาได้ง่ายในท้องถิ่น เกษตรกรสามารถทำไว้ใช้ในไร่สวนของตัวเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาสารเคมี
Read more ...

สัมผัส ‘กระท่อมลุงจรณ์’ ฟาร์มกระบองเพชรเบอร์หนึ่งของไทย

2.7.57
 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2549 10:17 น.

กระบองเพชรไม้ประดับที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศในแถบที่เป็นทะเลทราย คนไทยเริ่มรู้จักกระบองเพชรกันมานาน เพราะมีผู้นำเข้ามาจำหน่าย และการที่กระบองเพชรเป็นต้นไม้อายุยืน เลี้ยงง่าย และ มีให้เลือกหลายสายพันธุ์ ทำให้กระบองเพชรจัดเป็นไม้ประดับที่ได้รับความนิยมอยู่อันดับ 6 ของโลก    

สำหรับฟาร์มกระบองเพชรที่นำเสนอในวันนี้ เป็นฟาร์มกระบองเพชรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ชื่อ ‘กระท่อมลุงจรณ์’ ตั้งอยู่ที่ ซอยวัดสิงห์ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เจ้าของผู้ก่อตั้ง คือ นายพิจรณ์ สังข์สุวรรณ ซึ่งหลงใหลในเสน่ห์ของกระบองเพชร โดยได้กระบองเพชรต้นแรกมาจากชาวไต้หวัน ซึ่งนำเข้ามาจากประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อ 40 ปีที่ผ่านมา ในช่วงนั้นกระบองเพชรราคาแพงมาก และหายากมาก แต่ด้วยใจรักยอมทุ่มเงิน เพื่อซื้อมาเก็บสะสมไว้ และบางส่วนก็เพาะพันธุ์ขึ้นมาใหม่    
     
นางพิกุล สังข์สุวรรณ ลูกสาวลุงจรณ์ ผู้สืบทอดกิจการทายาทรุ่นที่ 2 เล่าถึงประวัติลุงจรณ์ว่า ได้ลาออกจากงานประจำ เมื่อปี 2504 เพื่อมาทำงานที่ตัวเองรัก คือ เปิดร้านกระบองเพชร และขยายกิจการมาเรื่อย โดยได้พยายามเสาะแสวงหาพันธุ์ใหม่เข้ามา มีการนำเข้ามาจากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และประเทศแถบละตินอเมริกา จนเป็นร้านกระบองเพชรเต็มรูปแบบร้านแรกของเมืองไทย
     
จุดขายของกระบองเพชรลุงจรณ์ คือ เน้นขาย คุณภาพ และราคาไม่สูง มาก ทำให้มีลูกค้าประจำเข้ามาเป็นจำนวนมาก ฟาร์มแห่งนี้ ลุงจรณ์ ตั้งใจที่ทำขึ้นเพื่อให้กับผู้ที่ชื่นชอบอะไรเหมือนกันได้มาชื่นชมต้นไม้ที่รักและได้พักผ่อนไปในตัว โดยได้จัดพื้นที่เป็นเหมือนเป็นกึ่งรีสอร์ท บนพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ ที่เต็มไปด้วยกระบองเพชร สายพันธุ์ต่างๆ ให้ลูกค้าได้เดินชมและเลือกช้อปปิ้งกันอย่างเพลิดเพลิน    
     
ปัจจุบันฟาร์มกระบองเพชรกระท่อมลุงจรณ์ ดูแลกิจการโดยทายาทรุ่นที่ 3 นายภูเขา ชากะสิก มีพันธุ์กระบองเพชรที่นำเข้า และเพาะพันธุ์ขึ้นใหม่มากกว่า 1,000 ชนิด จากธรรมชาติที่มีอยู่เป็น 10,000 ชนิด ราคาเริ่มต้นทั่วไป อยู่ที่ 20 บาท ไปจนถึงหลายหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ไหนเพาะเลี้ยงยากและหายากราคาก็จะแพง การเพาะเลี้ยงจะเพาะจากเมล็ด ซึ่งต้นหนึ่งต้องใช้เวลานานตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป ถึงจะนำออกมาจำหน่ายได้ บางต้นต้องใช้เวลาถึง 7 -10 ปี ราคาก็จะสูงตามไปด้วย

สำหรับช่องทางการจัดจำหน่าย จะแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ ขายปลีก และขายส่งให้กับร้านต้นไม้ประดับนำไปขายต่ออีกที่หนึ่ง ร้านจะมี 2 แห่ง คือ ขายที่หน้าฟาร์ม ที่อำเภอสามโคก ปทุมธานี และจำหน่ายปลีกที่สวนจตุจักร ช่วงหลังมีการส่งออกไปขายต่างประเทศบ้างแต่จำนวนน้อยมาก เป็นการขายผ่านทางอินเตอร์เน็ต ส่วนตลาดกระบองเพชร เป็นตลาดที่ไปได้เรื่อยไม่หวือหวามาก เหมือนกับกล้วยไม้ และชวนชม    
     
“ต้นไม้ของบ้านเราจะเจาะตลาดแมสโปรดักส์ ราคาไม่สูงมาก เพราะเราอยากให้ทุกคนมีความสุขกับการได้อยู่กับมัน เด็กวัยรุ่นที่เพิ่งหัดเลี้ยงต้นไม้ ก็สามารถซื้อไปเลี้ยงเล่นได้ หรือถ้าเกิดความเสียหายขึ้นมา ก็จะไม่เข็ดและไม่เลิกเลี้ยง สามารถซื้อไปเลี้ยงใหม่ได้เพราะราคาไม่แพง และจุดเด่นของเราจะขายต้นไม้ที่เป็นต้นไม้ที่สวยตามธรรมชาติ ไม่ไปบังคับมันมาก”    

ปัญหาของการเลี้ยงกระบองเพชรที่บ้านเรา จะมีฝนตกมาก จะทำให้ต้นเน่าและตายได้ แต่ไม่แนะนำลูกค้าให้ซื้อไปเลี้ยงในร่ม เพราะกระบองเพชร เป็นพืชที่ชอบแสงแดด ควรจะเลี้ยงในบริเวณระเบียงบ้านที่มีแสงแดดส่องถึง แต่หลังจากที่มีศึกษาและวิจัยพบว่า กระบองเพชรเป็นพืชที่ช่วยดูดรังสี จากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทำให้หลายคนหันมาซื้อไปวางบนโต๊ะทำงานกันมากขึ้น  
     
สำหรับสายพันธุ์ที่ได้รับความสนใจและขายดีที่สุด มี 3 สายพันธุ์ หลักได้แก่ Astrophytum , Ariocarpus และ Caudiciform ซึ่งสายพันธุ์นี้ เป็นต้นไม้ "เล่นหัว" ลักษณะคล้ายบอนไซ ลูกค้าที่ซื้อไปในลักษณะของการจัดสวนยังไม่มาก เพราะต้นใหญ่ที่สามารถนำไปจัดสวนได้ราคายังสูง ต้นหนึ่ง เป็นพันบาท และต้องใช้หลายต้น ทำให้ยังไม่ค่อยเห็นลูกค้าซื้อไปเพื่อจัดสวน แต่จะเป็นการซื้อต้นเล็กไปประดับตกแต่งบ้านมากกว่า ต้นใหญ่ และราคาแพงจะเป็นกลุ่มนักสะสมโดยเฉพาะ สนใจโทร. 0-2581-7684
Read more ...